สุขภาพ

6 สิ่งของใกล้ตัวสะสมเชื้อโรคโควิด

virus around

โควิดกลับมาอีกแล้ว ระลอกนี้หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆมา แล้วเพื่อนๆรู้ไหม ของใช้ใกล้ตัวอะไรของเรา ที่มักสะสม เชื้อโรค อย่างมากมาย เรามาดูกัน เชื้อโรคโควิด ใน โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือ ถือว่า เป็นอุปกรณ์สื่อสารสำคัญในยุคปัจจุปัน มากกว่า 90% ของผู้ใหญ่ ใช้โทรศัพท์มือถือ และโทรศัพท์มือถือ ของเรายังติดตัวเราไปทุกที่ ทำให้โทรศัพท์มือถือ มีโอกาส สัมพัส แบคทีเรีย และ เชื้อโรคต่างๆ ในอากาศได้ และ ไม่ใช่แค่เชื้อโรคในอากาศ ที่สามารถมีอยู่ใน โทรศัพท์มือถือ เชื้อโรคจาก มือ ของเรานั้น ก็สามารถ อยู่ในโทรศัพย์มือถือ ได้เช่นกัน และ โทรศัพย์มือถือ มักมีซอกหลืบมาก และ มีอุณหภูมิที่เชื้อโรคสามารถเพาะพันธ์ได้เป็นอย่างดี จาก งานวิจัย ที่ สหรัฐอเมริกา โทรศัพท์มือถือ ของเด็กนักเรียน สามารถ มีแบคทีเรียได้มากกว่า 17,000 ตัว เชื้อโรคโควิด ใน รีโมททีวี รีโมททีวี เป็นหนึ่ง …

6 สิ่งของใกล้ตัวสะสมเชื้อโรคโควิด Read More »

5 ประโยชน์ของน้ำ ดื่มน้ำมีประโยชน์

water

 น้ำ ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของร่างกายที่ขาดไม่ได้ ในร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำมากถึง 70% เรามาดูกันดีกว่า ว่าการดื่มน้ำสำคัญอย่างไรและประโยชน์ของน้ำมีอะไรบ้าง ดีต่อระบบร่างกาย ทั้งระบบประสาทและสมอง ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบขับถ่ายของเสีย ทำให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณสุขภาพดี น้ำจะคอยช่วยดูแลเซลล์ต่างๆให้ลอยบนน้ำ ไม่เหี่ยวย่นง่าย และช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล และอ่อนวัย ช่วยล้างสารพิษ น้ำช่วยนำพาของเสียให้ออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะ อุจจาระ หรือทางรูขุมขน ส่งเสริมการทำงานของไต ช่วยเจือจางเกลือและแร่ธาตุ ทำให้ไตไม่ทำงานหนักจนเกินไป ลดสาเหตุโรคนิ่ว ส่งเสริมการทำงานของลำไส้ น้ำทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ป้องกันอาการท้อง ส่งเสริมระบบเผาผลาญ ทำให้กระบวนการทางเคมีของระบบเผาผลาญและไขมันทำงานได้มีประสิทธิภาพ ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เช่น ระบายความร้อนออกมาในรูปของ เหงื่อ เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ รู้แบบนี้แล้ว เพื่อนๆอย่าลืมดื่มน้ำสะอาด ให้ครบ 6-8 แก้วต่อวันกันนะคะ อ้างอิง • SEVEN HEALTH BENEFITS OF DRINKING MORE WATER – enTrust …

5 ประโยชน์ของน้ำ ดื่มน้ำมีประโยชน์ Read More »

โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ในวัยทำงาน ที่มักมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่แน่นอนนัก สาเหตุหลัก สาเหตุหลักของโรคกรดไหลย้อน เกิดจากความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหาร ที่ทำหน้าที่ป้องกันกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร รวมถึงความผิดปกติของการบีบตัวของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารค้างอยู่ในนั้นนานกว่าปกติ นอกจากนี้แล้วพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก เช่น การเข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารมากเกินไป การสูบบุหรี่ และการดื่มน้ำอัดลม อาการ อาการที่มักพบบ่อยๆคือ แสบร้อนกลางอก บริเวณลิ้นปี่ จุกเสียดแน่นท้อง เจ็บหน้าอก มีความรู้สึกขมหรือเปรี้ยวในปากและคอ ไอเรื้อรังโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน วิธีป้องกัน การป้องกันที่ดีที่สุด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ไม่ควรรับประทานอาหารแล้วนอนทันที หลีกเลี่ยงชา กาแฟ งดสูบบุหรี่ รวมถึงควรระมัดระวังไม่ให้น้ำหนักมากเกินเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถึงแม้โรคกรดไหลย้อน จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ โรคนี้ก็ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเราควรป้องกันตัวเองให้ดี และพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงนะจ๊ะ Source : ขอขอบคุณบทความน่าสนใจ จาก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

วิธีป้องกัน COVID-19

cover 9

 ช่วงนี้สถานการณ์ในประเทศไทย น่าเป็นห่วงมากๆ เพื่อนอย่าลืมป้องกันตัวเอง เวลาต้องออกจากบ้าน โดยการใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง และเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยนะคะ เฝ้าระวังตัวเอง – หมั่นวัดอุณภูมิ ต้องไม่เกิน 37.5C– ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ– สังเกตอาการตัวเอง เช่น มีไขสูง หายใจ หอบ เหนื่อย ไอ หรือเจ็บคอ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง หน้ากากอนามัย ควรเปลี่ยนทุกวัน หรือถ้าเป็นแบบผ้า ควรซักและนำไปตากแดดทุกวัน หมั่นล้างมือให้สะอาด – ล้างมือด้วย เจลล์ แอลกอฮอลล์ 75%– ล้างมือบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น หลังใช้มือสัมผัสสิ่งต่างๆ ก่อนและหลังรับประทานอาหาร หรือ หลังการเข้าห้องน้ำ เว้นระยะห่างทางสังคม เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล อย่างน้อย 1 เมตร หลีกเลี่ยงการจับมือหากรู้สึกไม่สบาย ควรพักอยู่ที่บ้าน หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด หรือ ไปสถานที่เสี่ยง ควรกักตัวเองอย่างน้อย 14 วัน

อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

cover 10

 ช่วงนี้เชื้อไวรัส COVID-19 ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย วัชรวรรณ กรีนฟาร์ม จะมานำเสนออาหาร ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย สามารถหาได้ง่ายๆ ระหว่างที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน หรือ Work from home ขมิ้นชัน มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีสาร curcumin ที่ช่วยเพิ่มปริมาณ และกระตุ้นการทำงานของทีเซลล์ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีวิตามินซีสูง ไบโอฟลาโวนอยด์ รวมถึงสารพฤกษเคมี จากสีสันของผลไม้ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว มีวิตามินซีสูง มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว เพื่อต่อต้านเชื้อโรค ปลา มีโอเมก้า 3 และไขมันชนิดดี ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมถึงกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย พริกหยวกสีแดง มีวิตามินสูงกว่าผลไม้รสเปรี้ยวถึง 2 เท่า ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก รวมถึงกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ชื่อ แอล-ธีอะนีน ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างสารประกอบเพื่อต่อต้านเชื้อโรคให้กับ ทีเซลล์ ขิง ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดภาวะการอักเสบต่างๆ รวมถึงช่วยลดอาการเจ็บคออีกด้วย โยเกิร์ต มีวิตามินดี และโพรไบโอติก …

อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน Read More »

โรคหัวใจและหลอดเลือดภัยเงียบสุดอัตราย

cover 7

 เพื่อนๆรู้ไหมว่า โรคหลอดเลือดและหัวใจถือเป็นการเจ็บป่วยอันดับต้นๆของคนไทย รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ และมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคนี้มากขึ้น หากไม่มีการรักษาอย่างถูกวิธีและทันท่วงที 3 โรคสำคัญ โรคหลอดเลือดและหัวใจ จะคลอบคลุม 3 โรคสำคัญ ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดส่วนปลาย โดยมากมักเกิดจากการที่หลอดเลือดตีบตัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวก ทำให้ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ และสาเหตุการเสียชีวิตมักมาจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการเริ่มต้น อาการเริ่มต้น มักไม่แสดงอาการมากนัก แต่อาจจะมีภาวะเจ็บหน้าอกร้าวไปถึงช่วงแขนและหลัง แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ใจสั่น และหน้ามืดขึ้นอยู่กับระดับของโรค นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงมากขึ้นสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โดยอัตราเสี่ยงมากขึ้นถึง 3.5 เท่าเทียบกับคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคอ้วน หรือโรคเบาหวาน รู้อย่างนี้แล้ว เพื่อนๆต้องรักษาสุขภาพ ทานผักผลไม้ออร์แกนิคเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำจิตใจให้สดชื่น และลดความเครียด ก็สามารถเป็นแนวทางในการป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ Source : ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

วันเบาหวานโลก

cover 6

เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2534 จากความร่วมมือของสหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ (IDF) องค์การอนามัยโลก (WHO) และสหประชาชาติ (UN) โดยกำหนดให้วันเบาหวานโลกตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เนื่องด้วยวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันเกิดของ Frederick Banting ผู้คิดค้น “อินซูลิน” ซึ่งเป็นยาฉีดลดน้ำตาลในเลือดสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงบุคคลสำคัญ ผู้ที่คิดค้นยาสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน จึงกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลกโดยจุดประสงค์หลักของวันเบาหวานโลก เกิดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ทุกคนมีความตระหนักถึงอันตรายจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน และสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างถูกวิธีและเหมาะสม นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานให้มากขึ้น เพื่อที่จะสามารถลดความเสี่ยงที่จะทำให้ป่วยเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย เพื่อนๆรู้แบบนี้แล้ว ต้องดูแลสุขภาพของตนเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ธัญพืชไม่ขัดสี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และทำจิตใจให้เบิกบาน ก็จะสามารถป้องกันโรคเบาหวานได้

นอนหลับให้เพียงพอ ดีต่อสุขภาพ

cover 2

 เพื่อนๆคงรู้กันแล้ว ว่าการนอนหลับมีความสำคัญต่อระบบสุขภาพภายในร่างกายของเราเป็นอย่างมาก วันนี้เรามาดูกัน ว่าการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพและเพียงพอ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน การนอนหลับอย่างมีคุณภาพและเพียงพอ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานอย่างเป็นปกติ ทำให้เพิ่มความสามารถในการต้านทานเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาทและสมอง อวัยวะที่สำคัญ คือ ฮิปโปแคมปัส ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างวันเข้าสู่ ความทรงจำระยะยาว อวัยวะสำคัญนี้ จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในช่วงเรานอนหลับอย่างเพียงพอเท่านั้น ลดสภาวะอารมณ์ไม่คงที่ หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย อาการง่วงนอน ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สดชื่น และทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย สร้างเสริมระบบย่อยอาหารและระบบเผาผลาญ ร่างกายใช้เวลามากกว่า 40% ในการจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากๆเป็นเวลานาน จะทำให้แก่เร็ว ระบบฮอร์โมนเป็นปกติ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ระบบฮอร์โมนผลิตสารที่จำเป็นน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ และไขมัน อีกทั้งส่งผลให้การผลิตสารเลปตินน้อยลง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการควบคุมความอยากอาหาร และสูญเสียการหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องการเผาผลาญอาหาร และการซ่อมแซมเซลล์ สร้างเสริมระบบผิวหนัง สารที่สำคัญ คือเมลาโทนิน ที่มีส่วนสำคัญในการปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระต่างๆ ซึ่งเมลาโทนิน จะถูกสร้างมากที่สุดในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ดังนั้นถ้าเราพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่าย Source : ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ปริมาณผักที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย

cover

 เพื่อนๆเคยสงสัยไหมว่า ปริมาณผักที่เรากินในแต่ละวัน มันเพียงพอต่อร่างกายหรือไม่ วันนี้วัชรวรรณ กรีนฟาร์ม จะมาแนะนำปริมาณผักที่เหมาะสมกับคนแต่ละช่วงวัย มาดูกันน!! วัยทารก วัยทารก ในช่วงวัยแรกเกิด เด็กทารกจะรับประทานนมแม่ เป็นอาหารหลัก จนถึงอายุ 4-6 เดือน จึงเริ่มเสริมอาหารและผักผลไม้ชนิดอื่นๆ ปริมาณผักที่เหมาะสมสำหรับเด็กแรกเกิด คือ ครึ่งถ้วย หรือ 2-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน สำหรักเด็กช่วงอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ปริมาณผักที่เหมาะสม คือ 1 ถ้วยต่อวันหรือประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ โดยแบ่งทานเป็นมื้อๆ และมีผักที่หลากหลายชนิดแต่ละวัน วัยเด็ก เด็กในวัยนี้ ปริมาณผักที่เหมาะสมต่อวัน คือ 1 ถ้วยครึ่ง โดยเด็กตั้งแต่อายุ 4-8 ขวบ สามารถรับประทานผักแบบผสมผสานทั้งผักสดและผักต้มสุก และควรเป็นผักที่ผ่านกระบวนการต้ม ผัด หรือย่าง ซึ่งจะมีคุณประโยชน์มากกว่าการทอด สำหรับเด็กโต ที่อายุ 9-13 ปี ปริมาณผักที่เหมาะสมคือ ไม่น้อยกว่า 2 ถ้วยครึ่งต่อวัน …

ปริมาณผักที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย Read More »

อาหารที่ช่วยนอนหลับสบาย

cover 1

 เพื่อนๆเคยเป็นกันไหม บางคืนรู้สึกนอนไม่หลับ วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารที่ช่วยให้นอนหลับสบายกันน รับรองว่ารับประทานก่อนนอน จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น และยังไม่ต้องกังวลกับไขมันอีกด้วย  ก่อนอื่นต้องเริ่มที่ วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในการสร้างฮอร์โมน เมลาโทนิน ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำให้นอนหลับได้ดีและตามเวลา ประกอบไปด้วย กรดอะมิโนทริปโตเฟน ธาตุแมกนีเซียม ธาตุแคลเซียม และวิตามินบี 6 ร่างกายของเราจะผลิตเมลาโทนินมาก ในช่วงเวลาก่อนนอน และผลิตลดลงในช่วงเช้า เพื่อให้สามารถตื่นตอนเช้าได้ เรามาดูกัน อาหารชนิดไหนบ้างนะ ที่มีวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ อาหารที่มีกรดอะมิโนทริปโตเฟน เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม (นม,ชีส) สัตว์ปีก (ไก่,เป็ด) อาหารทะเล (กุ้ง,ปลา) ผลไม้ (กล้วย,แอปเปิ้ล) และธัญพืช (ข้าว,ข้าวโพด) อาหารที่มีธาตุแมกนีเซียม เช่น ผักใบเขียว (คะน้า,ผักโขม) ปลาชนิดต่างๆ, ถั่วเหลือง, โยเกิร์ตไขมันต่ำ, และกล้วย อาหารที่มีธาตุแคลเซียม เช่น ผักใบเขียว (คะน้า,ผักโขม) ผลิตภัณฑ์จากนม (นมไขมันต่ำ,นมถั่วเหลือง,ชีส) น้ำส้มคั้นสด, ปลาสลิด, ปลาแซลมอน, และถั่วขาว อาหารที่มีวิตามิน บี6 …

อาหารที่ช่วยนอนหลับสบาย Read More »